นักดาราศาสตร์เคยเชื่อมาเป็นเวลานานว่า นิวเคลียสของดาวหางคือก้อนน้ำแข็งผสมฝุ่นที่เย็นยะเยือก แต่ข้อมูลจากยานดีปสเปซ 1 ที่ได้เฉียดเข้าใกล้ดาวหางบอเรลลี (19P/Borelly) เมื่อปีที่แล้วพบว่าไม่เป็นเช่นนั้น
เมื่อไม่นานมานี้นักดาราศาสตร์ได้วิเคราะห์สเปกตรัมของนิวเคลียสของดาวหางบอเรลลีพบว่า บนผิวนิวเคลียสไม่มีร่องรอยของแร่ธาตุที่มีน้ำเป็นส่วนประกอบเลย และยังพบว่านิวเคลียสของบอเรลลีมีอุณหภูมิอยู่ในช่วง 300-345 เคลวิน (27-72 องศาเซลเซียส) ซึ่งสูงกว่าที่เคยคิดไว้มาก
ลอเรนซ์โซเดอร์โบลม จากกรมแผนที่สหรัฐฯ ซึ่งเป็นหัวหน้าคณะวิจัยในครั้งนี้กล่าวว่า การค้นพบนี้แสดงให้เห็นว่าผิวของดาวหางดวงนี้ได้เข้าสู่ภาวะสงบแล้ว มีน้ำน้อยเกินกว่าที่จะตรวจจับได้โดยสเปกตรัม และยังพบว่าบริเวณที่เป็นจุดปล่อยก๊าซและฝุ่นออกจากนิวเคลียสมีพื้นที่น้อยกว่า 10 เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ผิวทั้งหมดที่ยานมองเห็น นอกจากนี้ข้อมูลจากกล้องโทรทรรศน์ภาคพื้นดินก็ยืนยันว่า ดาวหางดวงนี้ปล่อยก๊าซและฝุ่นออกมาน้อยมาก มีอัตราการคายน้ำไม่ถึง 1 ตันต่อ 1 วินาที ทั้งนี้เนื่องจากบอเรลลีได้ผ่านเข้าใกล้ดวงอาทิตย์มาหลายครั้งแล้ว มีการบันทึกการปรากฏตัวของดาวหางบอเรลลีมาแล้วไม่ต่ำกว่าสองศตวรรษ และคาบการโคจรก็สั้นเพียง 7 ปีเท่านั้น ดังนั้นจึงเหลือวัตถุดิบที่จะสร้างหางไม่มากนัก
อย่างไรก็ตามในความเงียบสงบและมืดมิดของนิวเคลียสของบอเรลลี ยังมีสิ่งที่น่าสนใจบางอย่าง จากการศึกษาสเปกตรัมพบว่า มีการดูดกลืนในช่วงความยาวคลื่น 3.29 ไมครอน ซึ่งยังอธิบายไม่ได้ว่าเกิดจากอะไร โซเดอร์โบลมสันนิษฐานว่าการดูดกลืนนี้อาจเกิดจากโพลีออกซีเมทีลีน (สายของโพลีเมอร์ของฟอร์มาลดีไฮด์ (H2CO) ซึ่งเคยพบในดาวหางฮัลลีย์) หรือสารอินทรีย์บางอย่าง
เมื่อไม่นานมานี้
ลอเรนซ์
อย่างไรก็ตาม