สมาคมดาราศาสตร์ไทย

ดาวหางสว่างใน พ.ศ. 2556

ดาวหางสว่างใน พ.ศ. 2556

4 พฤศจิกายน 2555
ปรับปรุงครั้งล่าสุด 11 มีนาคม 2561
โดย: วรเชษฐ์ บุญปลอด (worachateb@yahoo.com)
พ.ศ. 2556 ที่จะถึงนี้ มีดาวหาง ดวง ที่นักดาราศาสตร์คาดว่าอาจสว่างจนสามารถเห็นได้ด้วยตาเปล่า ดวงแรกในเดือนมีนาคม 2556 อีกดวงหนึ่งในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน 2556 ถึงต้นเดือนมกราคม 2557

แม้ว่าจะมีแนวโน้มที่บ่งบอกว่าดาวหางทั้งสองจะสว่างจนเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่นักดาราศาสตร์ก็เตือนว่าอาจเกิดการเปลี่ยนแปลงที่เราไม่สามารถทราบได้ล่วงหน้า เช่น เกิดการแตกสลายเป็นสะเก็ดดาวชิ้นเล็ก ๆ หรือมีอัตราการระเหิดของน้ำแข็งน้อยกว่าที่คาดหมาย ซึ่งเหตุการณ์ทำนองนี้เคยเกิดขึ้นกับดาวหางหลายดวงในอดีต จึงมีโอกาสอยู่บ้างที่ดาวหางทั้งสองอาจสว่างน้อยกว่าที่คาดไว้

ดาวหางแพนสตาร์ส C/2011 L4 (PANSTARRS)

นักดาราศาสตร์ค้นพบดาวหางแพนสตาร์สในภาพถ่ายเมื่อเดือนมิถุนายน 2554 ขณะนั้นดาวหางสว่างที่โชติมาตรประมาณ 19.4 ห่างดวงอาทิตย์ไกลถึง 7.9 หน่วยดาราศาสตร์ ดาวหางมีวงโคจรเป็นรูปไฮเพอร์โบลา ผ่านจุดใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดในวันที่ 10 มีนาคม 2556 และใกล้โลกที่สุดในวันที่ มีนาคม 2556 ที่ระยะ 1.1 หน่วยดาราศาสตร์ ระนาบวงโคจรของดาวหางเกือบตั้งฉากกับวงโคจรโลก โดยเอียงทำมุม 84°

ปลายเดือนมกราคมหรือต้นเดือนกุมภาพันธ์เป็นช่วงที่คาดว่าดาวหางแพนสตาร์สจะเริ่มสว่างจนเห็นได้ด้วยตาเปล่า ซีกโลกใต้สามารถสังเกตได้ดี ส่วนประเทศไทยยังไม่สามารถสังเกตได้ หรือสังเกตได้ยากมาก เนื่องจากดาวหางจะขึ้น-ตก เกือบพร้อมกับดวงอาทิตย์

ดาวหางแมกนอต (C/2006 P1 McNaught) เมื่อเดือนมกราคม 2550 เป็นดาวหางสว่างที่มีหางแผ่กว้างสวยงาม น่าเสียดายที่ดาวหางดวงนี้อยู่ในตำแหน่งที่ไม่สามารถเห็นได้จากประเทศไทย โดยเฉลี่ยมีดาวหางที่สว่างจนสามารถมองเห็นได้ง่ายด้วยตาเปล่าเข้ามาใกล้ดวงอาทิตย์ทศวรรษละหนึ่งดวง (ภาพ – Robert McNaught) 

เดือนมีนาคม ดาวหางเริ่มปรากฏบนท้องฟ้าเวลาหัวค่ำ วันที่ 9-17 มีนาคม 2556 น่าจะเป็นช่วงที่สังเกตดาวหางดวงนี้ได้ดีที่สุดสำหรับประเทศไทย เนื่องจากคาดว่าจะเป็นช่วงที่ดาวหางสว่างที่สุด และตกลับขอบฟ้าช้าที่สุด อย่างไรก็ตาม การสังเกตส่วนหัวของดาวหางแพนสตาร์สอาจทำได้ยาก เพราะดาวหางปรากฏให้เห็นได้เฉพาะในเวลาที่มียังมีแสงสนธยา ท้องฟ้าไม่มืดสนิท และดาวหางจะอยู่ใกล้ขอบฟ้าในกลุ่มดาวปลา ถึงกระนั้น เราอาจสังเกตเห็นส่วนหางที่ทอดยาวขึ้นมาเหนือขอบฟ้าได้

จากแนวโน้ม คาดว่าวันที่ 8-12 มีนาคม 2556 โชติมาตรของดาวหางแพนสตาร์สอาจอยู่ในช่วง +1 ถึง -1 ซึ่งนับว่าสว่างมาก แต่การพยากรณ์ความสว่างของดาวหางมีโอกาสคลาดเคลื่อนได้เสมอ การสังเกตจะทำได้ตั้งแต่หลังดวงอาทิตย์ตกไปแล้ว 30 นาที (ภาคกลางตรงกับเวลาประมาณ ทุ่ม) โดยหันหน้าไปทางทิศตะวันตก

อุปสรรคสำคัญในการสังเกตดาวหางดวงนี้ในช่วงดังกล่าว คือดาวหางอยู่ห่างดวงอาทิตย์ 15° จึงมีเวลาสังเกตได้ไม่นานก่อนตกลับขอบฟ้า และดาวหางจะอยู่ใกล้ขอบฟ้ามาก จึงต้องสังเกตจากสถานที่ที่ขอบฟ้าทิศตะวันตกเปิดโล่ง ไม่มีสิ่งใดบดบัง หรือสังเกตจากอาคารสูง และอาจต้องใช้กล้องสองตาช่วยกวาดหาบริเวณขอบฟ้า ตาเปล่ามีโอกาสเห็นได้ หากดาวหางสว่างมาก มีหางยาว และท้องฟ้าเปิด ไม่มีเมฆหมอกและฝุ่นควันบดบัง

หมายเหตุ (7 มี.ค. 56) ช่วงเดือนมกราคมถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2556 ดาวหางแพนสตาร์สมีความสว่างน้อยกว่าที่คาดไว้ แต่ขณะนี้ความสว่างได้เพิ่มขึ้นจนเกือบใกล้เคียงกับที่คาดไว้ ดูข้อมูลปรับปรุงล่าสุดเกี่ยวกับดาวหางดวงนี้ ที่ ดาวหางแพนสตาร์ส (C/2011 L4 PANSTARRS)

ดาวหางไอซอน C/2012 S1 (ISON)

ดาวหางไอซอนเป็นดาวหางอีกดวงหนึ่งที่มีแนวโน้มจะสว่างเห็นได้ด้วยตาเปล่าในปี 2556 และน่าจะสว่างกว่าดาวหางแพนสตาร์ส โดยปรากฏบนท้องฟ้าเวลาเช้ามืดในช่วงฤดูหนาวของปลายปี 2556 ถึงต้นปี 2557

ดาวหางไอซอนถูกค้นพบเมื่อเดือนกันยายน 2555 ข่าวการค้นพบดาวหางดวงนี้สร้างความตื่นเต้นในแวดวงนักดาราศาสตร์สมัครเล่นอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะนักดาราศาสตร์ในซีกโลกเหนือ ซึ่งไม่มีโอกาสเห็นดาวหางสว่างมานานหลายปี ขณะค้นพบ ดาวหางอยู่ห่างดวงอาทิตย์ 6.3 หน่วยดาราศาสตร์ สว่างที่โชติมาตร 18.8 ดาวหางไอซอนจะเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุดราววันที่ 28-29 พฤศจิกายน 2556 ที่ระยะห่าง 0.012 หน่วยดาราศาสตร์ หรือประมาณ 1.9 ล้านกิโลเมตร นับว่าเฉียดใกล้ดวงอาทิตย์มาก ห่างผิวดวงอาทิตย์เพียง 1.2 ล้านกิโลเมตร

ดาวหางเลิฟจอย (C/2011 W3 Lovejoy) ถ่ายโดยนักบินอวกาศบนสถานีอวกาศนานาชาติ เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2554 ดาวหางเลิฟจอยเป็นดาวหางที่ปรากฏเมื่อเร็ว ๆ นี้ แต่เห็นได้ดีจากซีกโลกใต้ ไม่สามารถสังเกตได้จากประเทศไทย  


คาดว่าขณะดาวหางสว่างที่สุดในวันที่ 28-29 พฤศจิกายน 2556 ความสว่างโดยรวมทั้งหัวและหางอาจสูงมาก คาดว่าอยู่ในช่วงโชติมาตร -10 ถึง -16 ซึ่งใกล้เคียงหรือสว่างกว่าดวงจันทร์เต็มดวง เราสามารถเห็นดวงจันทร์ในเวลากลางวันได้ ดังนั้นความสว่างระดับนี้จึงเพียงพอที่จะเห็นได้ในเวลากลางวัน อย่างไรก็ตาม ขณะนั้นดาวหางอยู่ใกล้ดวงอาทิตย์ การสังเกตจึงทำได้ไม่ง่ายนัก

หากความสว่างเป็นไปตามความคาดหมาย ผู้สังเกตในประเทศไทยจะเห็นดาวหางไอซอนด้วยตาเปล่าบนท้องฟ้าเวลากลางคืนได้ในช่วงต้นเดือนพฤศจิกายน 2556 จนถึงต้นเดือนมกราคม 2557 บนซีกฟ้าตะวันออกในเวลาเช้ามืด (ยกเว้นปลายเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคม ซึ่งดาวหางจะขึ้น-ตกพร้อมดวงอาทิตย์) ดาวหางไอซอนจะใกล้โลกที่สุดราววันที่ 26-27 ธันวาคม 2556 ที่ระยะ 0.4 หน่วยดาราศาสตร์ (64 ล้านกิโลเมตร) ช่วงนั้นดาวหางขึ้นเหนือขอบฟ้าทิศตะวันออกเฉียงเหนือในเวลาตี เศษ และอยู่สูงเหนือขอบฟ้าราว 20°-25° เมื่อท้องฟ้าเริ่มสว่าง

ดาวหางไอซอนอาจกลายเป็นดาวหางที่สว่างที่สุดในรอบหลายสิบปี หรืออาจเป็นดาวหางที่สร้างความผิดหวังก็ได้ นักดาราศาสตร์เตือนว่าอย่าเพิ่งตั้งความหวังไว้สูงเกินไปนัก ในอดีตมีตัวอย่างของดาวหางหลายดวงที่มีแนวโน้มว่าจะสว่างเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่เมื่อถึงเวลา กลับสว่างน้อยกว่าที่พยากรณ์ไว้หลายเท่า

หมายเหตุ (2 มี.ค. 56) มีความเป็นไปได้ที่ดาวหางไอซอนอาจไม่สว่างมากอย่างที่คาดไว้ และมีโอกาสอยู่บ้างที่ดาวหางอาจแตกออกในช่วงที่ใกล้ดวงอาทิตย์ที่สุด เนื่องจากแรงโน้มถ่วงของดวงอาทิตย์ และความร้อนสูง ดูข้อมูลปรับปรุงล่าสุดเกี่ยวกับดาวหางดวงนี้ที่ ดาวหางไอซอน (C/2012 S1 ISON)

ดูเพิ่ม

ดาวหางแพนสตาร์ส (C/2011 L4 PANSTARRS)
ดาวหางไอซอน (C/2012 S1 ISON)
ดาวหางเลิฟจอย (C/2013 R1 Lovejoy)
สารพันคำถามเกี่ยวกับดาราศาสตร์ หมวดดาวหางและดาวเคราะห์น้อย